โปรดทำความรู้จักกันก่อนตัดสิน วิว ปิยวรรณ ชื่นตะโก ทรานส์แมนจริตอะแมนด้า หน้าเนวัดดาว

เคยรู้สึกเสียใจไหมที่ไปสัก

“โห เสียใจไหม ฉันดูเหมือนคนเสียใจไหมล่ะ”

วิว-ปิยวรรณ ชื่นตะโก ตอบคำถามเราด้วยการถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะแล้วโชว์รอยสักทั่วทั้งแขนให้ดูกันชัด ๆ

แม้ในทุกวันนี้สังคมจะเปิดรับการสักมากขึ้นในฐานะงานศิลปะบนเรือนร่าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมามุมมองที่สังคมไทยหรือแม้กระทั่งอีกหลาย ๆ ประเทศมีต่อคนที่มีรอยสักมักจะเป็นมุมมองที่เกิดจากอคติ และหากจะมีสิ่งใดที่คนใช้ตัดสินกันจากภาพลักษณ์ภายนอก รอยสักก็คงจะอยู่ลำดับต้น ๆ

“รอยนี้ได้มาจากในคุกเหรอ”

“ตอนเรียนชอบยกพวกตีกันละสิ”

“ไปสักทำไม สกปรก เลอะเทอะ”

“ทำอะไรไม่คิดระวังจะหางานทำไม่ได้”

คนที่หลงใหลในการสักคงแทบไม่มีใครไม่เคยเจอถ้อยคำเหล่านี้ และนอกจากถ้อยคำแล้ว บางครั้งรอยสักยังทำให้พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไป บางโรงเรียนประกาศว่าจะไม่รับนักเรียนที่มีรอยสัก บริษัทบางแห่งก็ไม่รับคนที่มีรอยสักเข้าทำงาน และแม้ในบางกรณีจะไม่ใช่การมองจากอคติ ไม่ได้ ‘ตีตรา’ ว่าคนมีรอยสักต้องเป็นคนไม่ดี แต่คนส่วนใหญ่ก็มักจะเข้าใจว่าคนที่หลงใหลในรอยสักจะต้องเป็นคนที่ชอบอะไรที่ดู ‘แมน ๆ’ ตามกรอบความ ‘แมน’ ของสังคม

มีรอยสักต้องฟังเพลงร็อก มีรอยสักต้องชอบบิ๊กไบค์ มีรอยสักต้องดูขรึม ๆ มีรอยสักต้องรวมตัวเป็นกลุ่มแก๊ง มีรอยสักต้องเป็นนักดื่ม ฯลฯ

แต่วิวผู้มีรอยสักเต็มสองแขนและลามไปถึงต้นคอ กลับไม่ใช่ทั้งหมดที่เรากล่าวมา

ปัจจุบันวิวเป็น influencer ที่มีผู้ติดตามกว่า 5 แสนคนใน TikTok หากมองวิวในแบบฉบับที่เป็นภาพนิ่งด้วยตา เราจะเห็น คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบ ๆ เท่ ๆ  คนที่มีรอยสักเต็มตัว และคนที่มีลุก ‘แมน’ แสนแมน แต่หากมองวิวที่เป็นภาพเคลื่อนไหวและมองด้วยใจ วิวคือวิวที่ขัดกับภาพที่เรามักจะนำไปผูกไว้กับคนที่มีรอยสักโดยสิ้นเชิง

วิวคือทรานส์แมนมาดเท่แบบ ‘บอย ๆ มีรอยสัก’ และสักเต็มตัว แต่กลัวความเร็ว ชอบฟังเพลงค่ายกามิกาเซ่ ชอบดูประกวดนางงาม และสามารถเดินเลียนแบบเหล่านางงามรอบพรีริมได้อย่างเป๊ะปัง  

‘จริตอะแมนด้าแต่หน้าเนวัดดาว’ นั่นคือสิ่งที่วิวเลือกจะนิยามตัวเอง

– 01 –

บอย ๆ มีรอยสัก

วิวเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในโลกอินเทอร์เน็ตหลังจากออกรายการ ‘ทรงเอ’ ที่หมายถึงคนที่มีลักษณะคล้ายเอเย่นส์ค้ายาเสพติดทาง Youtube ด้วยลุกแมน ๆ และรอยสักเต็มตัว วิวจึงเป็นขวัญใจด่านตรวจเพราะมักจะถูกตำรวจเรียกตรวจค้นยาเสพติด แต่ ‘จริต’ และการใช้ ‘ศัพท์กะเทย’ ของวิวขัดกับภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนที่ได้ดูรายการชื่นชอบในตัววิว

เคยมีประสบการณ์โดนคนอื่นตัดสินจากรอยสักไหม

โห วิวโดนตัดสินเรื่องรอยสักเยอะที่สุด มากกว่าเรื่องเพศอีก ถ้าถามว่าระหว่างเพศกับรอยสักอะไรถูกตัดสินเยอะกว่า ก็คือเรื่องรอยสักอะ เพราะมันเพิ่งจะมารู้สึกว่ารอยสักเป็นเรื่องปกติเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง สำหรับคนไทยนะ ยิ่งสมัยเรียน เราสักตั้งแต่ยังไม่ 18 คนส่วนใหญ่จะบอกว่า เฮ้ย ทำไมเหมือนคนติดคุก รอยสักจะมาพร้อมคนติดคุก แต่ถ้าถามว่าวิวรู้สึกยังไงกับสังคมที่เขามองเราแบบนั้น ตอบเลยว่าไม่รู้สึก

ก็เรื่องของเขาเนอะ

ก็เรื่องของคนคิด แต่ถ้าตอบเผื่อคนอื่นก็อยากให้คนอื่นเปิดใจเรื่องนี้ว่ารอยสักมันไม่ได้ตัดสินคนได้จริง ๆ บางทีคนที่ลุกเขาดูสุด ๆ ไปเลย เขาอาจเป็นคนดีแบบสุด ๆ ไปเลยก็ได้นะ มันก็แค่ความชอบอย่างนึง ไม่ได้บ่งบอกว่าข้างในของคนคนนั้นต้องเป็นยังไง

ทำไมคุณวิวถึงชอบการสัก

 ไปเจอการสักครั้งแรกเพราะแม่ไปสักยูนิคอร์นที่ขา แม่เอาเราไปด้วย คือเราไปไหนกับครอบครัวตลอด แล้วรู้สึกว่าทำไมมันน่าสนใจจัง ตอนนั้นประมาณ ม.ต้นเอง เหมือนชอบอะแล้วมันอาจจะเป็นกิจกรรมที่เราทำกับครอบครัวด้วยมั้ง ครอบครัวอื่นทำไหมไม่รู้ แต่ครอบครัวนี้ทำได้ไง เลยรู้สึกมันชอบ ชอบความเจ็บนี้ที่มันจะมีเรื่องราวที่เราเลือกวางลงไปบนร่างกาย รอยสักอันแรกคือไปกับแม่ แล้วแม่เป็นคนเขียนชื่อเราเป็นลายเซ็นแล้วเราก็สักลงไป แล้วไม่ว่าจะอีกกี่ปีที่เราจะมองย้อนไป นี่คือสิ่งที่เราเริ่มกับแม่ มีแม่อยู่ในนั้น หลังจากนั้นทุกลายก็จะมีเรื่องอยู่ในนั้น ก็เลยชอบ มันก็เป็นเหมือนไดอารี

เคยอยากทำงานอะไรสักงานแล้วเขาบอกว่า มีรอยสัก ไม่ให้ทำ ไหม

ฉันสักข้างในก่อน แล้วพอฉันรู้สึกว่าดูแลตัวเองได้ถึงจะเอาออกมาข้างนอก เพราะฉะนั้นแปลว่ารอยสักกับความชอบก็ต้องตรงกับความพอดีในชีวิตจริง ไม่ใช่ว่าฉันชอบอย่างเดียวแล้วสุดท้ายมาเดือดร้อนกับชีวิตตัวเอง ทำเมื่อพร้อมก็เลยไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไรนะ

แต่ก็ดีใช่ไหมที่บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ จะเปิดใจให้คนมีรอยสัก

ก็ดีนะ เขาจะได้ไม่ต้องมากดดันเรื่องการแต่งกาย เอาสมองไปทำงานที่มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะตอนวิวทำงานบริษัทอะ วิวระเบิดหูใช่ไหม แล้ววิวต้องมานั่งตัดพลาสเตอร์ยามาแปะรูหู เพราะเราระเบิดมาตั้งแต่ตอนเรียน มันไม่สามารถแก้ได้ มันเสียเวลาการทำงานไปครึ่งชั่วโมงกับการแต่งตัวให้เรียบร้อย ทำไมไม่เอาเวลาตรงนั้นที่เราต้องมานั่งคิดว่าวันนี้ฉันแต่งตัวเรียบร้อยหรือยังไปทำงานให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่านอกกรอบไปจนสภาพฉันไม่ได้เลย ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยอะไรแบบนี้ มันก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของความเหมาะสมด้วยแหละ แต่คิดว่ามันจะดีมากถ้าเลิกตัดสินกันที่การแต่งกาย

เคยรู้สึกเสียใจไหมที่ไปสักมา

โห เสียใจไหมละ [โชว์รอยสัก] ฉันดูเหมือนคนเสียใจไหม [หัวเราะ]

– 02 –

“เพศวิว”

“เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ” คือคำพูดที่คนที่มีเพศกำเนิดเป็นหญิงแต่มีเพศวิถีหรือรสนิยมทางเพศแตกต่างจากเพศกำเนิดมักจะต้องพบเจอ ถือเป็นภาพสะท้อนอคติทางเพศที่ยังคงซุกซ่อนอยู่ในสังคมที่ดูจะเปิดรับความหลากหลายมากขึ้นและเป็นผลสืบเนื่องมาจากค่านิยมชายเป็นใหญ่ที่ฝังรากลึกด้วยเช่นกัน

“แค่เดินยังรู้สึกได้ถึงสายตาอคติ” เป็นสิ่งที่วิวบอกกับเราเมื่อถามถึงประสบการณ์โดนคนตัดสินจากอคติทางเพศ แต่วิวก็ยังมองว่าตัวเองเป็นคนโชคดี เพราะแม้เส้นทางของการเป็นทรานส์แมนในสังคมที่ยังไม่ได้เปิดรับคนข้ามเพศอย่างแท้จริงจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่วิวก็รายล้อมไปด้วยผู้คนที่เข้าใจและโอบรับวิวในแบบที่เขาเป็น

ในวัยเด็กรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากเพื่อนไหม

ถ้าตั้งแต่อนุบาลถึงประถมหกอะ ไม่เลย ก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไปโรงเรียน เล่นกับเพื่อน แต่พอมัธยมเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย กูอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงแบบเพื่อนคนอื่น แต่มันโชคดีตรงที่เรียนหญิงล้วนก็จะมีแต่คนที่เข้าใจเราที่เราเป็นทอม  หญิงล้วนมันก็นิยมทอมเพราะมันเห็นกันอยู่แค่นั้น ก็เลยไม่แตกต่าง แต่พอเริ่มไปเข้าที่ ปวช. มันเริ่มมีผู้ชายเข้ามา เริ่มมีความแตกต่าง แต่ไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราต้องเป็นตัวแปลกอะ อาจจะเพราะว่าเราคิดบวกด้วยมั้ง คนก็ปฏิบัติกับเราปกติอะ

แล้วครอบครัวเขาว่ายังไง เขาไม่เคยว่าอะไรเลยเหรอ

ครอบครัวไม่เคยเลย เขาไม่ได้มาตีกรอบว่าลูกฉันต้องเป็นอย่างนี้ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีอะไรบนโลกใบนี้ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันหนักจังแล้วฉันต้องพยายามเป็นคนอื่น ไม่ ไม่เคยเลยด้วยซ้ำ เป็นศูนย์

เคยมีประสบการณ์โดนคนตัดสิน หรือมองในแง่ลบจากอคติทางเพศไหม

คิดว่าบ่อยปะ

บ่อย

สุด ๆ ไปเลย บางทีแค่เดินก็ยังรู้สึกได้ แต่โชคดีอย่างหนึ่งก็ย้อนกลับไปที่ครอบครัวเลย เขาเลี้ยงแบบไม่ได้กดดันอะไรเลย เราเลยไม่รู้สึกว่าสิ่งที่คนอื่นมาตัดสินเรามันเป็นความกดดันของเรา มึงมองกูเป็นยังไง มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาของกูอยู่ดี กูก็เป็นของกูอย่างนี้ แต่เราต้องอยู่บนพื้นฐานที่เราไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถ้าเราไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น คนอื่นก็มีสิทธิ์ตัดสินในตัวเรา ถ้าเราไม่ได้ทำอะไร เราเป็นตัวเรา ก็ให้มันเป็นปัญหาของคนที่มองเรา

แล้วรู้ตัวตอนไหนว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย

เราลองคิดแล้วคุยกับตัวเอง เอาผู้ชายที่เคยมาจีบ มาตั้งว่าเราสามารถคุยกับเขาได้ไหม มันก็ไม่ได้เป็นแบบชอบ แต่พอเอาไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิงคนนี้ แล้วเราชอบเขาไหม อ้าว แม่งเสือกชอบ ทีนี้เราก็ตรวจทานตัวเองตลอด ก็ตรวจไปเรื่อย ๆ จนโอเค ทุกอันแม่งเป็นผู้หญิงหรือมีบางทีก็เป็นกะเทย นั่นก็ชอบ จนสุดท้ายมาถามตัวเองว่า เฮ้ย ไม่เกี่ยวกับเพศรึเปล่า เราแค่ชอบคนนั้นที่เป็นคนคนนั้น มันเลยไม่มีการสับสน ฉันแน่ใจมาตลอดเลยว่าฉันจะชอบคนคนนึงได้ที่เป็นคนคนนึง อนาคตสมมติมีผู้ชายมาชอบแล้วเราชอบเขา อ้าว ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ แต่งงาน จบ ผู้ชายคนนั้นอาจจะนิสัยดีก็ได้นะ อาจจะอยู่กับเราแล้วดูแลเราโคตรดีเลยในวันที่เราเจ็บป่วย กับอีกคนเป็นผู้หญิงแต่อยู่ไปนาน ๆ เขาอาจจะไม่ได้รักเราเท่าคนนี้ก็ได้ ก็เลยคิดว่าเพศไม่น่าจะจำเป็นแล้ว

ที่เคยบอกผู้ชายมาจีบ แล้วมันจะมีผู้ชายประเภทเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ แบบนี้เคยมีไหม

โชคดีนะวิวต่างจากคนอื่น วิวไม่เคยเจอผู้ชายที่พูดแบบนั้นกับวิว อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ไปบอยจ๋าใส่ผู้ชายเลย บางทีก็เรียกผู้ชายว่าคุณพี่ เขาก็เลยไม่รู้สึกว่าเขาต้องทักเราแบบนั้น บางทีการทักว่า เฮ้ย เดี๋ยวกูจะเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ มันเป็นการกดเพศเราไว้นะ แต่เราเป็นแบบนี้ เขาก็เลยรู้สึกว่าเออ กูไม่ต้องกดมึงแล้วแหละ

แล้วคิดยังไงกับคนที่พูดแบบนั้น

มันก็ไม่ใช่ปัญหาของเราที่เราต้องเก็บคำพูดมันมาทุกข์อีกอะ มึงพูดใช่ไหม มึงควรจะดูไม่ดีค่ะ ไม่ใช่ว่ากูต้องมาแบบ ‘ทำไมถึงพูดแบบนี้กับเรา’ แล้วฉันต้องตอบโต้เธอ ไม่ มึงก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่มึงพูดไปสิ ไม่ได้ต้องสนใจเลยค่ะ เชิ่ดเท่านั้น เราเป็นเรา มึงเปลี่ยนอะไรใครไม่ได้ค่ะ ตัวมึงเองมึงยังเปลี่ยนไม่ได้เลย (หัวเราะ)

คิดว่าปัจจุบันสังคมไทยเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากกว่าเมื่อก่อนแค่ไหน

มากแล้วนะ สำหรับคนอื่นนะ แต่นี่ยังไงก็ได้มานานแล้ว แต่สำหรับคนอื่นเท่าที่เห็นคนรอบข้าง เพื่อนเราอยู่โรงเรียนเป็นอีกแบบ กลับบ้านไปเป็นอีกแบบ แต่ ณ ตอนนี้เขาเป็นตัวเองได้แล้ว เขาทำนม ไว้ผมยาวได้ รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้น แล้วคนส่วนมากเริ่มเข้าใจมากขึ้นอาจเพราะคนในสื่อก็ช่วยกันพูดเรื่องนี้ คนในสื่อนี่ว่า 90 เปอร์เซ็นต์เลยที่เป็น LGBTQ+ อันนี้โคตรมีส่วนแบบมีส่วนมาก ๆ พวกคนที่มีความคิดเดิม ๆ อยู่เขาก็เริ่มเปิด ก็เริ่มไปคิดว่าคนแบบนี้ประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนเพศอื่น มันเลยทำให้บางครั้งมันต้องเปิด แต่เอาจริงเพศไหนก็ประสบความสำเร็จได้เท่ากันแหละ

ตอนนี้ถ้าให้นิยามเพศตัวเอง จะนิยามว่ายังไง

เมื่อก่อนความหลากหลายก็มีเท่านี้แหละ แต่คนแสดงออกแค่หญิง ชาย กะเทย ทอม เหมือนทุกคนจะจำแต่อะไรเดิม ๆ แต่ตอนนี้ทุกคนแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้ บางคนก็พูดเลยว่าฉันยังไงก็ได้ ไม่จำกัดเพศ อย่างวิวก็ไม่รู้ว่าจะจำกัดเพศตัวเองว่าอะไร ก็ใช้ชีวิตเลือกแต่ความสุขอะ เวลาคนถามว่าเพศอะไรก็จะตอบว่าเพศวิว

– 03 –

ครอบครัวที่คอยอยู่ข้างหลังเราก้าวหนึ่งเสมอ

ในระหว่างการสนทนา ทุกคำตอบของวิวฉะฉานและมั่นใจจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าความกล้าที่จะเป็นตัวเองได้อย่างมั่นใจแบบนี้ วิวได้มาจากไหน และคำตอบของวิวก็คือคำสั้น ๆ อย่าง ‘ครอบครัว’

คุณวิวเติบโตมาในครอบครัวแบบไหน

เติบโตมาในครอบครัวปล่อย ๆ อะ เขาจะคอยอยู่ข้างหลังเราก้าวนึง แล้วปล่อยให้เราทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ แล้วเมื่อไหร่ที่เขาดูแล้วว่าเรากำลังจะทำไม่ดีหรือทำนอกกรอบ เขาถึงจะเข้ามาเตือน แต่เขาจะไม่มีการขีดเส้นว่าฉันต้องทำแบบนี้ เธอต้องทำแบบนี้ แม้กระทั่งเรื่องเรียนก็ปล่อย อยากจะเรียนก็เรียน ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน อาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวเราเอาความสุขมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ถ้ารู้สึกว่าลูกตัวเองเริ่มไม่มีความสุขแล้ว เขาก็จะไม่บังคับเลย จนวันแม่ เขาให้แม่มาโรงเรียนใช่ไหม คนอื่นเขากำลังซึ้งเลย แต่วิวต้องขอให้แม่ดุวิวบ้างเพราะคิดว่าแม่ไม่รักเรา เพราะบ้านอื่นเขาบอกให้ลูกทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ บ้านนี้แม่ไม่บอกเลย เลยแบบ เอ้า หรือว่าแม่ไม่รักกูวะ ก็เลยขอร้องให้ดุอะไรก็ได้สักเรื่องนึง เขาก็ขำ แต่ก็ไม่ดุอยู่ดี ก็เลยโตมาเป็นแบบนี้แหละ

ที่บอกว่าจะไม่มาห้ามจนกว่าจะออกนอกกรอบ แล้วกรอบเขาคือประมาณไหน

มาตรฐานคนปกติอะ สมมติว่า เขาบอกว่าไปไหนก็ได้แต่ห้ามกลับบ้านเกิน 4 ทุ่ม แล้วถ้าเที่ยงคืนยังไม่กลับอีกเขาถึงจะโทรตาม แต่ถ้ายังไม่ถึงสี่ทุ่มเขาก็ไม่ยุ่ง อยากไปไหนก็ไป แต่สิ่งนึงที่เขายึดเลยก็คือจะทำยังไงก็ได้แต่ต้องดูแลตัวเองได้ แค่นั้น เหมือนยายก็เลี้ยงแม่มาแบบนี้ เขาเลยมาเลี้ยงเราต่อแบบนี้

จากที่ตอนเด็ก ๆ คิดว่าแม่ไม่รักเลยไม่ดุ แต่โตมาเห็นข้อดีจากการเลี้ยงดูแบบนี้ไหม

ดี คือเด็กวัยรุ่นหรือวัยกำลังโตจะชอบทำอะไรที่คนอื่นห้าม ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ที่คนเขาพูดกันนี่ว่าจริง แต่พอเราไม่ถูกห้ามปุ๊บ กลายเป็นว่าเราไม่ต้องไปคิดว่าเขาจะห้ามอะไร มาคิดแทนว่าเราควรทำไหม ก็เลยไม่ได้ใช้ชีวิตโลดโผนเลย ไม่ถูกบังคับเลยใช้ชีวิตอย่างไม่ออกนอกลู่นอกทางด้วยซ้ำ ทั้งที่สภาพเป็นอย่างนี้อะ ก็ไม่ค่อยดื้อนะ สำหรับพ่อแม่

คุณวิวเคยถามพ่อแม่ไหมว่าทำไมให้อิสระขนาดนี้

ไม่เคยได้คำตอบจริงจังจากที่บ้าน ถ้าสมติว่าวิวไปถามอะไรที่มันซีเรียสอะ เขาจะช็อตไมค์ไปเลยเว้ย ไม่สามารถให้คำตอบแบบซีเรียสได้ แต่ถ้าไม่ได้ถาม อยู่ดี ๆ เขาอยากจะพูดขึ้นมาเขาก็จะพูดขึ้นมา ไม่เคยมาอธิบายเลยว่าทำไมบ้านเราต้องเป็นแบบนี้ แต่เขาทำมันเลย เขาให้ความสบายใจกันเลย แชร์ทุกอย่างเท่ากัน

มันเหมือนตัวตนเขาเองก็เป็นแบบนี้

แบบนี้ค่า เป็นแบบนี้ทั้งบ้าน

ความสุข ความสำเร็จ และการได้เป็นตัวเองในทุกวันนี้ ให้เครดิตครอบครัวเยอะไหม

อันดับหนึ่ง ตัวเรา อันดับสอง พี่เอม (เอม วิทวัส – เจ้าของ ‘ช่องคุณเอม’ และรายการ ‘ทรงเอ’ ใน Youtube) อันดับสาม ทุกคนที่ให้โอกาส อันดับสี่

ถ้าจะบอกว่าการเลี้ยงดูของครอบครัวที่ไม่ตัดสินและเปิดโอกาสให้เราได้เป็นตัวเอง มันทำให้เรากล้าที่จะเป็นแบบนี้ก็ได้

ใช่ เราเป็นตัวเองแบบมั่นใจและอบอุ่น เพราะอย่างน้อยครอบครัวคือเซฟโซนที่สุด เขาเข้าใจเราเสมอ เพราะฉะนั้นต่อให้เราไปเจอเรื่องร้าย ๆ มานอกบ้าน แค่เราก้าวเท้าเข้ามาในบ้านเราก็ปลอดภัยแล้ว

– 04 –

จริตอะแมนด้า หน้าเนวัดดาว

               ‘จริตอะแมนด้า หน้าเนวัดดาว’ คือสิ่งที่วิวนิยามตัวเองและกลายเป็นประโยคเด็ดที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้จักวิว

               คลิปส่วนใหญ่ใน TikTok ของวิวมักจะเปิดคลิปมาด้วยลุกเท่ ๆ ก่อนที่จะเผย ‘จริตอะแมนด้า’ ทันทีที่วิวขยับตัว ความเป็นวิวแบบนี้คือสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนชื่นชอบในตัวเขา แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าวิวตัวจริงกับวิว influencer คือวิวคนเดียวกันไหม ภายใต้ความเป็น influencer ที่จริตอะแมนด้าแต่หน้าเนวัดดาววิวเป็นคนยังไง และก่อนที่จะมาเป็นวิวที่มีผู้ติดตามหลายแสนคน วิวเคยผ่านอะไรมาบ้าง

นอกจากเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้ว ทำอะไรอยู่อีกหรือเปล่า

ตอนนี้เหรอ ไม่ได้ทำ มาทางนี้เลย มันเป็นความฝันส่วนหนึ่ง แล้วเป็นความชอบอีกส่วนหนึ่ง แล้วมันก็เป็นดวงด้วยในส่วนใหญ่ เมื่อก่อนเป็นผู้จัดการร้านเหล้า เราก็ใส่ความเป็นตัวเอง ความเอนเตอร์เทนในหน้าที่ที่เรามี แต่อยู่ดี ๆ วันนึงก็ได้ไปออกรายการพี่เอม แล้วคนก็รู้จักจากเดิมขึ้นมาประมาณร้อยเท่า แล้วความฝันที่เราเคยคิดไว้ก็เป็นจริงเลย ก็เลยไม่รู้ว่าถ้าเราออมมือตรงนี้ไว้ไปแม้แต่วินาทีเดียว เวลาข้างหน้าเราจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม เลยทำให้เต็มที่ แล้วถ้าในอนาคตจะไปต่อได้หรือไม่ได้ จะไปทำอย่างอื่นไหม เราก็ค่อยว่ากัน

ฝันที่จะเป็น influencer มาตั้งแต่ตอนไหน

เมื่อไม่กี่ปีนี้หรอกที่คำว่าเน็ตไอดอลมีคนรู้จักขึ้นมา แค่รู้สึกว่า ถ้าวันนึงเป็นแบบนั้นได้คงดีเนอะ เพราะทุกคนมักเป็นตัวเอง เขาเป็นตัวเองเพื่อหาเงิน แล้วคือ โห ใช่เลย กูอยากใช้ความเป็นตัวเองหาเงิน ก็เลยฝันมาตลอดแต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก  แล้วอยู่ดี ๆ แม่งก็ได้ไปเจอคนที่เราเคยดูเขาในทีวีอะ แม้กระทั่งแฟนเราเองก็คือคนที่เราเห็นในข่าวในทีวี เลยรักชีวิตนี้สุด ๆ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

การที่เราต้องให้ความบันเทิง มีความคาดหวังต่อคนดูไหม

ไม่มีนะ บางทีเราอาจไม่ตลกก็ได้สำหรับคนอื่น ทั้งที่เราตลกมากแล้วสำหรับอีกคน ก็เลยไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนต้องประทับใจในตัวฉันนะ ทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็จะยินดีมาก ๆ ถ้าคนคนนั้นชอบเรา แล้วเราก็จะโอเคและเฉย ๆ มาก ๆ กับคนที่ไม่ชอบเรา

กับคอมเมนต์ที่ไม่ดีเราก็ปล่อยไปเหรอ

ไม่ปล่อยค่า ตอบค่า แต่มันมีตอบไปเพื่อตอกหน้าเขาให้เราสะใจ กับเราจะชนะแบบยิ่งกว่า คือเราทักไปคุยกับเขาเลย แล้วทำให้เขามาเป็นพวกเราได้ ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ ทักไปเลยค่ะ ให้เขารู้สึกว่าจากที่เขาจะต้องต่อต้านเรา เขาควรมาเป็นเพื่อนเรา

ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนเขามาเป็นเพื่อนบ่อยไหม

บ่อย อาจเพราะเราตลกมั้ง เราไม่ได้ไปพูดใส่เขาในคำพูดที่มันแรงหรือที่ทำให้เขารู้สึกเสียน้ำใจ แค่อธิบายตัวตนเพิ่ม เขาก็จะละลายความข้องใจหรือมองเราแบบตั้งแง่น้อยลง แล้วทีนี้เราจะเข้าไปถึงตัวเขาได้มากขึ้น เยอะเลย

ทำไมต้องทำแบบนั้น

ก็เราอยากเก็บเพิ่มมากกว่าเสียไป ถ้าเขาไม่สนใจเขาไม่กดมาดูเราหรอกค่า หน้าเราขึ้นทุกปก แปลว่าเขามีความสนใจ แต่เขาอาจจะพิมพ์เพื่อเอาสนุก หรือพิมพ์ให้เขาดูแตกต่างแล้วเท่ เราก็แค่ไปทำให้เขารู้ว่า พี่ พี่เท่ได้เลยเว้ย ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ มา สนุกกัน แค่นั้นเอง ยกเว้นเขามาด่าเรื่องที่มากไปนะ เช่น ด่าพ่อแม่ ครอบครัว หรือด่าอะไรที่ไม่เป็นจริงจนเรารู้สึกว่า ไม่ใช่แล้ว มึงไม่ได้รู้ดีขนาดนั้น อันนั้นเราตอบโต้ได้ แต่น้อยมากเลยนะ

เห็นเฮฮาแบบนี้ เป็นคนจริงจังกับสิ่งที่ทำไหม

มาก แต่ได้ทีละเรื่อง ไม่ใช่ว่าทีละ 5 เรื่องจริงจังหมด คิดได้ทีละเรื่อง สมมตินั่งกินข้าวอยู่ ก็นั่งกินข้าวได้อย่างเดียว ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ขับรถก็ต้องตั้งใจขับรถ ขับรถ 60 ต่อให้มันไม่เร็ว ก็ต้องตั้งใจขับ ทำอะไรตั้งใจได้ทีละเรื่อง    

ทำไมขับรถแค่ 60 ดูจากลุกดูเหมือนคนชอบความเร็ว

กลัวความเร็ว แม่ไม่บังคับนะว่าห้ามขับรถเร็วนะ แต่เปิดเรื่องจริงผ่านจอที่เป็นอุบัติเหตุให้ดูตั้งแต่เด็ก ดูด้วยกัน เพราะนางก็ไม่ขับเร็ว นางกลัวอุบัติเหตุ กลายเป็นเราติดมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่ขับรถเร็ว กลัวความเร็ว กลัวความสูง เวลาไปไหนต้องประเมินความเสี่ยง แล้วก็ไม่กินเหล้าเพราะแพ้แอลกอฮอล์ แล้วทั้งบ้านก็คือเป็นเหมือนกัน เป็นกรรมพันธุ์ แล้วทุกคนก็ใช้ชีวิตเหมือนกันอยู่อย่างนี้ [ทำมือเป็นเส้นตรง]

ไม่กินเหล้าแต่เคยเป็นผู้จัดการร้านเหล้า?

ก็จินตนาการ จินตนาการว่าเขาจะสนุกแบบไหน พอไปทำร้านเหล้าปุ๊บ อย่างค็อกเทลที่เราต้องคิดเมนูขึ้นมา ทุกอย่างจะชิมก่อนที่จะมีแอลกอฮอล์ลงไปว่ารสชาติได้ไหม หรืออะไรที่คนเมาจะนึกออก เช่น ฟีลในร้าน จินตนาการเอาล้วน ๆ สนองความชอบล้วน ๆ สุด ๆ แนวเพลงอะไรแบบนี้

นอกจากเป็นผู้จัดการร้านเหล้าแล้วเคยทำอะไรมาก่อนหรือเปล่า

เป็นพนักงานออฟฟิศ โรงงาน ขายของ ทำมาทุกอย่างแหละเพราะที่บ้านไม่ได้ฐานะดี ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อที่เราจะได้เอาเงินมาใช้ฟุ่มเฟือยของเรา คือที่บ้านทุกคนจะต้องดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นแม่จะรับผิดชอบเราแค่ในส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าอะไรที่เราอยากได้เองอย่างอื่น เราต้องหามาเอง เลยกลายเป็นคนชอบทำงานตั้งแต่เด็ก

ชอบทำงานหรือแค่สนุกไปกับงานที่กำลังทำอยู่

ชอบเอาความสุขไปใส่ที่งาน เพื่อที่เราจะได้มีความสุขเวลาทำงาน

เคยเจองานที่ไม่จอยไหม

ไม่มีเลย อาจจะโชคดีที่เจอคนในที่ทำงานดีตลอดเลย เขาเข้าใจความเป็นเรา เราทำตามความสุขตัวเองก็จริงแต่มันไม่ได้ไปหลุดกรอบที่ควรจะเป็น มันเลยเป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ไม่เคยมีอุปสรรคในการทำงานเลย ชีวิตมันดี รักชีวิตตัวเองจังเลย มีความสุข

แล้วเวลาว่างมีงานอดิเรกอะไร

ฟังเพลง อันดับหนึ่ง ดูงาน เสพงานคนอื่น ดูอินฟลูคนอื่นว่าเขาทำอะไร คอนเทนต์นี้เขาเป็นยังไง แล้วปรับให้ใช้กับตัวเอง หรือแล้วแต่ ณ ช่วงนั้น ๆ อินอยู่กับอะไร อินดูมวย ก็จะดูมวย อินดูนางงามก็จะนางงาม

ตอนนี้ยังอินดูนางงามอยู่ไหม

ที่สุด ตลอดชีวิต ตลอดไป คนอื่นไม่รู้เขาดูนางงามเพราะอะไร แต่วิวดูมานานมากแล้วนะ ดูตั้งแต่ก่อนที่เขาจะฟีเวอร์อีก ดูเหมือนรู้สึกว่ามันเป็นกีฬา อยากรู้ว่านางงามคนนี้เขาเริ่มมายังไง ใส่ชุดห้องเสื้ออะไร เขาไปซ้อมเดินกับครูคนไหน ชอบแบบนี้ ไม่ได้ดูแค่วันงานอย่างเดียวนะ หรือว่าเป็นคนเสพติดดูความพยายามวะ แล้วจะเก็บเอาสิ่งที่เราดูมาปรับใช้กับตัวเอง แล้วมันก็สนุกด้วย เวลาเม้าธ์กับกะเทย เวลาเคาะว่าใครเข้าบ้างอะ เหมือนแบบ mut ล่าสุดหรือว่ามิสแกรนด์ล่าสุด ดูจอนึง พิมพ์จอนึง เคาะ วิเคราะห์ อะ มันคือความสนุกของเรา

ภายใต้รูปลักษณ์อย่างนี้ ตัวตนจริง ๆ เป็นยังไง

ตัวตนจริง ๆ เราแบ๊ว ฟังเพลงกามิกาเซ่ ชอบดูหนังรัก ชอบกินชาพีช ชอบดูละครไทยแล้วร้องไห้ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ชอบคนเยอะ ๆ ไม่ชอบอะไรที่อันตราย คือทุกอย่างไม่ใช่แบบที่ทุกคนเห็นเลย แล้วเราไม่ได้พยายามให้มันตรงกันข้ามนะ เราแค่ชอบแบบไหนเราก็เป็นแบบนั้น ไม่จำเป็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกมันต้องสะท้อนสิ่งที่อยู่ข้างใน ฉันดาร์ก ใส่เสื้อผ้าสีดำ แต่ชอบฟังเพลงกามิกาเซ่ มั่วซั่วไปหมด แต่แม่งคือความสุขของฉัน

มันดูต่างกันนะกับการที่อินกับละครจนร้องไห้ แต่พอเป็นเรื่องตัวเอง พอเจอคอมเมนต์แย่ ๆ เรากลับไม่ได้ปล่อยอารมณ์ไปกับมัน

ใช่ แต่ไปปล่อยอารมณ์กับละคร สวรรค์เบี่ยงค่ะ ร้องจนตาบวมไปโรงเรียนไม่ได้ แล้วยิ่งเป็นสกู๊ปเกี่ยวกับครอบครัว โอ้โห อันนั้นดูไม่ได้เลย ร้องไห้ตาบวมไปหมด แต่พอเป็นเรื่องตัวเอง ไม่รู้สึกอะไรเลย รู้สึกว่าตัวเองสู้ได้ แต่ไปจอยช่วงเวลา ความเศร้าหรือความปลาบปลื้มใจ นี่ร้องไห้กับเรื่องปลื้มใจเยอะกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เศร้า 30 ใครตายไม่ร้องไห้เลย แต่ใครทำให้ครอบครัวภูมิใจได้ เราร้องไห้

เหมือนให้ความสำคัญกับครอบครัวมากเลย

ที่หนึ่ง มันพาให้ไปอ่อนไหวเรื่องครอบครัวอื่น ๆ ด้วยมั้ง ร้องไห้เลยถ้าใครแบบว่าบ้านลำบากแล้วเรียนจบหรือนางงามคนไหนบ้านจนแล้วได้เงิน อะแมนด้าแบบนี้ ทำไมเราถึงชอบอะแมนด้าเพราะเขาตัวเตี้ย ทำให้เขาต้องใส่ส้นสูงกว่าคนอื่น แล้วเราดูเราก็แบบ ทำไมซ้อมหนักอะไรแบบนี้ แล้วพอเขามงเราร้องไห้เหมือนเราได้เอง เพราะเรารู้ว่าเขาพยายามแค่ไหน อะแมนด้าเลยเป็นคนที่เราชอบด้วย แล้วมันก็ติดปาก จนไปพูดในรายการพี่เอมอะ เลยเป็น จริตอะแมนด้า หน้าเนวัดดาวแหละ เพราะเราชอบดูการพัฒนา ชอบดูความพยายามของเขา พี่ด้าดูอยู่ปะคะ [มองกล้อง]

นอกจากนั้นก็ดูเสพติดความพยายามจริง ๆ ด้วย

อันนี้ใช่เลย ของคนอื่นด้วยแล้วของตัวเองด้วยนะ จะทำอะไรสักเรื่องนึงอะ จะไม่ใช้เงินก่อน ฉันจะขอใช้ความพยายามก่อน เหมือนช่องโฉดเฉดใน Youtube อะ ทำหลังบ้านเอง ความจริงเราพอจะจ้างได้แล้ว แต่ขอทำเอง เกลียดคำว่าไม่เคยมาก เพราะพอไม่เคยปุ๊บจะเอาตัวเองไปทำให้มันเคยซะ

แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะ

ทำใหม่ ทำใหม่ก่อน หรือถ้าทำแล้วไม่ใช่จริง ๆ แปลว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา เปลี่ยนที่ เราจะเอาตีนก่ายหน้าผากแล้วก็ไม่ได้

พูดได้ไหมว่าเราเป็นคนมั่นใจในตัวเอง

มั่นค่ะ สุด ๆ แต่ไม่ได้มั่นในเรื่องที่ผิดนะ เราแค่รู้สึกว่าการที่เราชอบแบบนี้ เราเป็นตัวเองแบบนี้มันไม่ได้ผิดต่อใคร เราควรมั่นใจกับสิ่งที่เราเป็น เราจะสักเยอะ หรือจะแต่งตัวยังไง หรือบุคลิกเป็นอีกแบบแต่จริตเป็นอีกแบบ มันก็เป็นความสุขเราเว้ย ไม่เห็นต้องเป็นคนอื่นเพื่อคนอื่นเลยอะ

ได้จริตแบบนี้มาจากไหน

มันเป็นเอง อาจเพราะแม่มีเพื่อนกะเทยเยอะ โตมาด้วยศัพท์กะเทย พูดแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องมีคำสร้อย และก็โตมาแบบไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อใคร มันเลยชัดเจน ชัดเจนแบบมาก ๆ…มาก ๆ ๆ ก.ไก่ล้านตัว

คิดว่าการอินฟลูเอนเซอร์ของตัวเองมันส่งผลกับคนอื่นยังไงบ้าง

คนเรียนรู้ว่ามันมีแบบนี้บนโลกนะ มันมีทอมบางคนหรือทรานส์บางคนที่เป็นเหมือนเราแต่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าที่จะแสดงออกว่าฉันเป็นแบบนี้ เพราะว่าสังคมไม่มีแบบนี้ แต่พอมันมีสักคนที่เป็นแบบนี้แล้วทุกคนรู้จักแล้ว ก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วตอนนี้ ใคร ๆ ก็ออกสาวได้ ใคร ๆ ก็มีจริตที่ไม่เหมือนลุกได้ วิวว่าตอนนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา อยากให้เป็นตัวเองไปเลย เพราะสุดท้ายคนที่จะเสพความสุขในการเป็นตัวของตัวเองคือตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น การที่เขามาตัดสินเรา ปล่อยให้มันเป็นธุระของเขา อย่าให้เป็นธุระของเรา เป็นตัวของตัวเองไปเลย ไม่เดือดร้อนใครก็พอ

ทุกวันนี้อะไรสำคัญที่สุดในชีวิต

ความสุขของตัวเอง แล้วเดี๋ยวมันจะส่งผลไปรอบ ๆ เอง ทั้งเพื่อน ครอบครัว แฟน ถ้าเรามีความสุข ไม่มานั่งหาว่าวันนี้ฉันจะทุกข์กับเรื่องอะไรดี คิดว่าคนรอบข้างน่าจะมีความสุขไปกับเราด้วย

“เธอมีความสุขไหมล่ะ” วิวถามเรากลับอีกหน

“มี” คือสิ่งที่เราตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด